เศรษฐกิจซบกระทบชิ่งตลาดรับสร้างบ้านหรู ดิ เอ็มเพอเร่อร์ ชี้ตลาดชะลอตัว เล็งขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ เน้นกลุ่มผู้บริหารรุ่น 2 เหตุซื้อง่าย ขายคล่อง กล้าตัดสินใจ ด้าน”มาสเตอร์ แปลน” เผยพบสัญญาณลูกค้าชะลอการตัดสินใจก่อสร้าง ยอมรับปี 58 ตลาดแข่งเดือด จำต้องปรับกลยุทธ์เดินหน้ารุกการตลาดเต็มสูบ กวาดลูกค้าใหม่นักธุรกิจต่างจังหวัด มั่นใจโตสวนกระแส นายสุรัตน์ชัย กึงฮะกิจ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ จำกัด บริษัทรับสร้างบ้านระดับตั้งแต่ 40 ล้านบาทขึ้นไป กล่าวถึงภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในครึ่งแรกปี 2558 ว่า มีการชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะบ้านราคา 3-5 ล้านบาท รวมไปถึงกลุ่มเอสเอ็มอีโดยคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดรวมของตลาดรับสร้างบ้านปี 2558 อยู่ที่ประมาณ 4.9 หมื่นล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้วประมาณ 10% โดยเป็นของกลุ่มผู้รับเหมาอิสระ 3.88 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 79% และเป็นของบริษัทรับสร้างบ้านที่อยู่ในสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน 6.89 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 14% และเป็นของบริษัทรับสร้างบ้านที่ไม่ได้อยู่ในสมาคมฯ อีก 7% หรือคิดเป็น 3.44 พันล้านบาท สำหรับกลุ่มรับสร้างบ้านหรูราคาตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป
พบว่ามีอัตราการเติบโตไม่มากโดยปีนี้บริษัทตั้งเป้าโตประมาณ 5% หรือมียอดขาย 390 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกสามารถสร้างยอดขายไปแล้ว 200 ล้านบาท และเซ็นสัญญาสร้างบ้าน 3 หลัง มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ยังไม่รวมตกแต่ง โดยทั่วไปลูกค้าจะใช้งบตกแต่งบ้านมากกว่าราคาค่าก่อสร้าง 1-1.5 เท่า โดยขณะนี้อยู่ระหว่างสร้างบ้าน 9 หลัง มูลค่ากว่า 900 ล้านบาท กลยุทธ์หลักที่บริษัทจะนำมาใช้ในช่วงครึ่งปีหลังคือ การขยายกลุ่มลูกค้าที่เป็นเจ้าของธุรกิจ อายุประมาณ 40-50 ปี ถือเป็นรุ่นที่ 2 ของธุรกิจ เนื่องจากคนกลุ่มนี้มีพฤติกรรมกล้าใช้เงินและกล้าตัดสินใจมากกว่าจากเดิมที่กลุ่มลูกค้าหลักของเราจะมีอายุ 55 ปีขึ้นไป รวมทั้งการพัฒนาแบบบ้านใหม่ให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้ามากขึ้น โดยจะเป็นแบบบ้านสไตล์ฝรั่งเศส ระดับราคา 50 ล้านบาทขึ้นไป ระดับราคาเริ่มที่ 15 ล้านบาทขึ้นไป กล่าวว่า ตลาดรับสร้างบ้านหรูมีการชะลอตัวต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2557 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน และตลาดมีการแข่งขันรุนแรง ส่งผลให้เริ่มพบสัญญาณลูกค้าชะลอการก่อสร้างแม้ว่าจะเซ็นสัญญาแล้วก็ตาม เนื่องจากไม่มั่นใจในสภาวะเศรษฐกิจทำให้บริษัทจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ด้านการตลาดมากขึ้นจากเดิมที่ให้ลูกค้าเข้ามาหา เปลี่ยนเป็นการเดินหาลูกค้าโดยการออกบูธ, แจกโบชัวร์ตามหมู่บ้านที่บริษัทเคยก่อสร้าง, การให้ส่วนลดสูงสุดถึง 15% เพิ่มขึ้นจากเดิมบริษัทให้เพียง 9% รวมทั้งการขยายรูปแบบงานจากรับสร้างบ้านเพียงอย่างเดียว มาเป็นรับออกแบบบ้านเพิ่มเติม, รับสร้างบ้านในระดับราคา 12 ล้านบาท ซึ่งไม่ใช่ระดับราคาที่บริษัทรับสร้าง รวมทั้งทำการตลาดผ่านโซเซียลมีเดีย ซึ่งการทำการตลาดด้วยวิธีนี้ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทได้เป็นอย่างดี